บทที่ 8
การเนรมิตสร้าง: ปฐมกาลเป็นรากฐาน ตอนที่ 1
Creation: Genesis as Foundation, Part 1
วันที่ 16 - 22 พฤษภาคม 2020
บ่ายวันสะบาโต
อ่านข้อพระคัมภีร์สำหรับบทเรียนสัปดาห์นี้
ยอห์น 1:1-3; ปฐมกาล 1:3-5; อพยพ 20:8-11; วิวรณ์ 14:7; มัทธิว 19:3-6; โรม 5:12
ข้อควรจำ
“ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า ในปฐมกาลพระองค์ทรงอยู่กับพระเจ้า พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์” (ยอห์น 1:1-4)
บทแรกๆ ของพระธรรมปฐมกาลเป็นรากฐาน สำหรับพระ-คัมภีร์ทั้งเล่ม คำสอนสำคัญส่วนใหญ่ หรือหลักความเชื่อของพระคัมภีร์มีที่มาจากบทเหล่านี้ ที่นี่เราจะพบพระเจ้าสามพระภาคทำงานสอดประสานกันในฐานะพระบิดา พระบุตร (ยอห์น 1:1-3, ฮีบรู 1:1, 2) และพระ-วิญญาณบริสุทธิ์ (ปฐมกาล 1:2) การเนรมิตสร้างโลกกับสรรพสิ่ง และที่สำคัญที่สุดคือการสร้างมนุษย์ (ปฐมกาล1:26-28) พระธรรมปฐมกาลยังแนะนำวันสะบาโต (ปฐมกาล 2:1-3) ต้นกำเนิดของความบาป (ปฐมกาล บทที่ 3) พระเมสสิยาห์ และแผนการไถ่ (ปฐมกาล 3:15) น้ำท่วมทั่วโลก (ปฐมกาล บทที่ 6-9) พันธสัญญาของพระเจ้า (ปฐมกาล 1:28; 2:2, 3; 15-17; 9:9-17;
ปฐมกาล บทที่ 15) กำเนิดภาษาและชาติต่างๆ (ปฐมกาล บทที่ 10, 11) ลำดับชาติวงศ์ตระกูล จากการสร้างโลกถึงสมัยของอับราฮัม (ปฐมกาล บทที่ 5 และ 11) อำนาจของพระวจนะที่ตรัสออก (ปฐมกาล 1:3, 2 ทิโมธี 3:16; ยอห์น 17:17) ธรรมชาติของมนุษย์ (ปฐมกาล 1:26-28) พระลักษณะของพระเจ้า (มัทธิว 10:29, 30) การสมรส (ปฐมกาล 1:27, 28; ปฐมกาล 2:18, 21-25) การดูแลทรัพยากรบนพื้นดิน (ปฐมกาล 1:26; 2:15, 19) และพระสัญญาแห่งความหวัง (อิสยาห์ 65:17; 66:22; วิวรณ์ 21:1) ทั้งหมดนี้มีรากฐานจากพระธรรมปฐมกาลบทแรกๆ ซึ่งจะเป็นหัวข้อศึกษาของเราในสัปดาห์นี้ และบทต่อๆไป
______________________________-----______
วันอาทิตย์ ในปฐมกาล…
In the Beginning…
อ่านพระธรรมปฐมกาล 1:1 มีความจริงอะไรที่ถูกเปิดเผยในที่นี่
พระคัมภีร์เปิดฉากขึ้นด้วยถ้อยคำที่น่าประทับใจและล้ำลึก เป็นคำง่ายๆ แต่กล่าวถึงหลายสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เมื่อศึกษาอย่างพินิจพิเคราะห์ เราจะเห็นว่า คำถามที่ยิ่งใหญ่ทางปรัชญาที่ว่า เราคือใคร เกิดมาทำไม และเกิดมาได้อย่างไรนั้น คำตอบอยู่ในบทแรกของพระคัมภีร์
เรามีชีวิตขึ้นมาได้เพราะพระเจ้าเป็นผู้สร้างในอดีต เราไม่ได้วิวัฒนาการมาจากความว่างเปล่า หรือไม่ได้มีชีวิตด้วยความบังเอิญ โดยไร้เป้าหมายและทิศทาง เหมือนที่สอนกันในวิชาวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ตามทฤษฎีของดาร์วิน ที่ตรงกันข้ามพระคัมภีร์
เราได้รับการสร้างโดยพระเจ้าในเวลาที่เฉพาะเจาะจงในในปฐมกาล หมายความว่าพระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แล้วก่อนการเนรมิตสร้างโลก และทรงสำแดงออกในแต่ละวันที่มี “เวลาเย็นและเวลาเช้า” รวมถึงแต่ละเดือนและแต่ละปี ทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ การเริ่มต้นที่แน่นอนนี้ได้รับการสนับสนุนจากพระคัมภีร์ข้ออื่นๆ (ยอห์น 1:1-3)
อ่าน ยอห์น 1:1-3 และ ฮีบรู 1:1, 2 ใครคือตัวแทนพระผู้สร้างที่ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
พระคัมภีร์สอนว่าพระเยซูทรงเป็นตัวแทนในการสร้าง “พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่ง ขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่เป็นอยู่นอกเหนือพระวาทะ” (ยอห์น 1:3) ผ่านพระเยซู “พระเจ้าทรงสร้างจักรวาลทางพระบุตร” (ฮีบรู 1:1, 2) เพราะว่าสิ่งทั้งปวงมีจุดเริ่มต้นในพระเยซูตั้งแต่ต้น เราจึงหวังว่าพระองค์จะทรงทำให้เสร็จสมบูรณ์ในตอนท้าย พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นอัลฟาและโอเมกา” “เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลาย เป็นปฐมและอวสาน” (วิวรณ์ 1:8; วิวรณ์ 22:13)
มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อได้ทราบว่าท่านถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้า และถ้าท่านไม่เชื่อเรื่องนี้ จะมีอะไรแตกต่างออกไป
_______________________________________
วันจันทร์ วันของการเนรมิตสร้าง
The Days of Creation
ไม่นานมานี้เริ่มมีความคิดว่าสัปดาห์ของการเนรมิตสร้างไม่ใช่เวลาตามตัวอักษร แต่เป็นการอุปมาเปรียบเทียบหรือเป็นนิยายเกี่ยวกับอภินิหารเท่านั้น ความคิดนี้ทำให้เกิดทฤษฎีวิวัฒนาการที่สันนิษฐานว่าต้นกำเนิดของชีวิตบนโลกใบนี้ค่อยๆ วิวัฒนาการมาเป็นเวลายาวนาน
พระคัมภีร์กล่าวถึงหัวข้อนี้อย่างไร คำว่า “วัน” (day) ในการเนรมิตสร้างในในปฐมกาล บทที่ 1 เป็นที่เข้าใจตลอดมาว่าเป็นจริงตามตัวอักษร คือหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง ไม่ใช่อุปมา
อ่าน ปฐมกาล 1:3-5 และ อพยพ 20:8-11 คำว่า “วัน” ตามบริบทของพระคัมภีร์ตอนนี้ หมายถึงวันที่มี 24 ชั่วโมง หรือวันที่เป็นเวลาอันยาวนาน
ภาษาฮีบรูคำว่า “yom” (วัน) ที่ใช้อธิบายการทรงสร้างนั้น ไม่มีคำอธิบายว่าเป็นวันแบบอื่น นอกจากวันตามปกติเท่านั้น แต่ละวันของการเนรมิตสร้างจึงเหมือนกับวันปกติในชีวิตของเรา แม้ผู้เชี่ยวชาญบางคนจะไม่เชื่อว่าวันในการเนรมิตสร้างไม่ใช่วันตามปกติ แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่า ผู้เขียนพระคัมภีร์ตั้งใจให้วันของการเนรมิตสร้างเป็นวันปกติตามตัวอักษรเท่านั้นเป็นที่น่าสนใจที่พระเจ้าทรงกำหนดชื่อแรกสำหรับหน่วยของเวลา (ปฐมกาล 1:5) คำว่า “ yom” (วัน) ได้รับการจำกัดความว่า “เวลาเย็นและเวลาเช้า” (ปฐมกาล 1:5, 8) คำว่า “วัน” ตามหลักไวยากรณ์เป็นเอกพจน์ ไม่ใช่หูพจน์ จึงหมายถึงหนึ่งวัน
เจ็ดวันของการเนรมิตสร้างเป็นหนึ่งหน่วยของเวลาที่สมบูรณ์ ซึ่งเกิดจากตัวเลขที่เป็นจำนวนนับ (หนึ่ง สอง สาม เป็นต้น) ที่เป็นจำนวนต่อเนื่องของแต่ละวัน จากวันที่หนึ่งถึงวันที่เจ็ด ไม่มีช่องว่างระหว่างวันเหล่านี้ เจ็ดวันของการเนรมิตสร้างโลกจึงเป็นเจ็ดวันในแต่ละสัปดาห์เหมือนที่เราพูดกันในปัจจุบันนี้
ธรรมชาติของวันตามตัวอักษรได้รับการยอมรับและเข้าใจโดยชาวอิสราเอล เมื่อพระเจ้าทรงเขียนพระบัญญัติข้อที่สี่ที่บ่งชี้ถึงรากฐานความเป็นมาของการสร้างโลกว่า วันที่เจ็ด เป็นวันสะบาโตสำหรับหยุดพัก และเป็นวันที่เกิดจากการเนรมิตสร้างโลกในหนึ่งสัปดาห์ของพระเจ้า
ไม่ได้มีการเนรมิตสร้างโลกตามที่เขียนไว้ในพระธรรมปฐมกาลเท่านั้น แต่จะมีการสร้างขึ้นใหม่ (re-creation) เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาครั้งที่สอง จะมีการเปลี่ยนจากสภาพที่ตายได้เป็นสภาพอมตะที่ไม่รู้จักตาย “ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้ายเพราะว่าจะมีการเป่าแตร” (1 โครินธ์ 15:52) พระเจ้าสามารถเนรมิตสร้างใหม่ในพริบตาเดียว ไม่ต้องใช้เวลาหลายพันล้านปีตามที่ทฤษฎีวิวัฒนาการสอน
________________________________________
วันอังคาร วันสะบาโตและการเนรมิตสร้าง
The Sabbath and Creation
ปัจจุบันเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสถูกโจมตีจากชาวโลกและผู้นับถือศาสนาอื่น เกี่ยวกับเรื่องวันของสัปดาห์ ตารางการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกพยายามเปลี่ยนปฏิทิน หลายประเทศในยุโรปกำหนดให้วันจันทร์เป็นวันที่หนึ่งของสัปดาห์และวันอาทิตย์เป็นวันที่เจ็ด ไม่นานมานี้สันตะปาปาแห่งโรมได้ส่งจดหมายไปถึงบาทหลวงทั้งหลายให้เปลี่ยนตามแนวโน้มของสังคม โดยเรียกวันที่เจ็ดที่เป็นวันสะบาโตว่า “วันสะบาโตของชาวยิว” เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ชาวโลกถือรักษาวันอาทิตย์เป็นวันหยุดพักแทนวันสะบาโต (Pope Francis, Laudato Si’, Vatican City: Vatican Press, 2015, หน้า 172, 173)
อ่าน ปฐมกาล 2:1-3; อพยพ 20:8-11; มาระโก 2:27 และ วิวรณ์ 14:7 สัปดาห์ของการเนรมิตสร้างเชื่อมโยงกับพระบัญญัติข้อที่สี่และข่าวของทูตสวรรค์สามองค์อย่างไร
พระคัมภีร์กล่าวว่า “วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ” (ปฐมกาล 2:2) “พระเจ้าทรงตั้งวันที่เจ็ดไว้เป็นวันบริสุทธิ์ หรือแยกออกต่างหาก เป็นวันพักผ่อนของมนุษย์” (เอลเลน จี. ไว้ท์, บรรพชนกับผู้เผยพระวจนะ, หน้า 47) พระเยซูตรัสว่า “วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ ไม่ได้ทรงตั้งมนุษย์ไว้เพื่อวันสะบาโต” (มาระโก 2:27) พระเยซูตรัสว่า พระองค์ทรงตั้งวันสะบาโตเป็นพันธสัญญานิรันดร์กับประชากรของพระองค์ วันสะบาโตจึงไม่ใช่สำหรับชาวฮีบรูเท่านั้น แต่เพื่อมนุษย์ทั้งมวล
พระธรรมปฐมกาลกล่าวถึงสามสิ่งที่พระเยซูทรงทำหลังจากที่ได้ทรงตั้งวันสะบาโต ประการแรก “ทรงหยุดพัก” (ปฐมกาล 2:2) เป็นแสดงถึงความปรารถนาของพระองค์ที่จะพักผ่อนกับเรา ประการที่สอง “ทรงอวยพระพร” ให้วันที่เจ็ด (ปฐมกาล 2:3) มีพระพรให้สัตว์ (ปฐมกาล 1:22) มีพระพรให้มนุษย์ (ปฐมกาล 1:28) และมีวันเดียวเท่านั้นที่ได้รับพระพรเป็นพิเศษคือวันที่เจ็ด ประการที่สาม “ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์” (ปฐมกาล 2:3) หรือทำให้ศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีวันใดในพระคัมภีร์ที่ได้รับการกำหนดให้มีความพิเศษสามประการนี้ สามสิ่งนี้ได้รับการกล่าวซ้ำในพระบัญญัติข้อที่สี่ เพราะพระเจ้าทรงเขียนพระบัญญัติด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงชี้ไปที่การเนรมิตสร้าง ซึ่งเป็นรากฐานของวันสะบาโต (อพยพ 20:11)
เปรียบเทียบพระธรรมวิวรณ์ 14:7 และ อพยพ 20:11 วันสะบาโตจากการเนรมิตสร้างที่เป็นพื้นฐานของการนมัสการพระผู้สร้างนั้น มีการเชื่อมโยงกับการพิพากษาในวาระสุดท้ายอย่างไร
__________________________________________________________
วันพุธ การเนรมิตสร้างและการสมรส
Creation and Marriage
หลายสิบปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในโลกนี้ เมื่อสังคมและรัฐเปลี่ยนคำจัดความของการสมรส โดยรับรองการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ซึ่งขัดกับกฎเกณฑ์เดิมที่โครงสร้างของครอบครัวต้องประกอบด้วยชายและหญิง ทำให้มีคำถามใหม่หลายประการเกี่ยวกับสถาบันของครอบ-ครัว ความสัมพันธ์ของคริสตจักรกับรัฐ และความศักดิ์สิทธิ์ของการสมรสและครอบครัวตามนิยามในพระคัมภีร์
อ่าน พระธรรมปฐมกาล 1:26-28 และ ปฐมกาล 2:18, 21-24 ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้กล่าวถึงความคิดของพระเจ้าเกี่ยวกับครอบครัวของมนุษย์อย่างไร
วันที่หกเป็นการทรงสร้างที่สำคัญที่สุด คือสร้างมนุษย์ เป็นสิ่งที่น่าสนใจที่คำว่า “เรา” ซึ่งเป็นคำสรรพนามสำหรับพระเจ้าในที่นี้เป็นพหูพจน์ “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา” (ปฐมกาล 1:26) พระเจ้าสามพระภาคที่มีความรักความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ได้ทรงสร้างมนุษย์ให้มีชีวิตสมรสที่มีความรักความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระ-ฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง” (ปฐมกาล 1:27) อาดัมกล่าวว่า “นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา” (ปฐมกาล 2:23) และอาดัมเรียกคู่สมรสของตนว่า “หญิง” ชีวิตสมรสจึงถูกกำหนดไว้ว่า “เพราะเหตุนั้นผู้ชายจะละบิดามารดาของเขาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” (ปฐมกาล 2:24)
พระคัมภีร์กล่าวชัดเจนว่า ความสัมพันธ์นี้จะเกิดขึ้นในชีวิตของชายและหญิง ซึ่งเกิดจากพ่อแม่ที่เป็นชายและหญิง นี่คือคำสอนของพระเจ้าที่ตรัสแก่สามีภรรยาคู่แรกของโลกว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน” (ปฐม-กาล 1:28) ในพระบัญญัติข้อที่ห้า พระเจ้าตรัสว่า “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้าเพื่ออายุของเจ้าจะยืนยาวบนแผ่นดิน” (อพยพ 20:12) ความสัมพันธ์นี้ไม่อาจเติมเต็มด้วยสิ่งอื่น นอกจากเรื่องเพศสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงเท่านั้น(heterosexual partnership)
คำตรัสของพระเยซูในพระธรรมมัทธิว 19:3-6 กล่าวถึงธรรม-ชาติและความศักดิ์ของการสมรสอย่างไร และเราควรยึดมั่นต่อความจริงนี้อย่างไร
_______________________________________
วันพฤหัสบดี การเนรมิตสร้าง การล้มลง และไม้กางเขน
Creation, the Fall, and the Cross
พระคัมภีร์เชื่อมโยงการเนรมิตสร้าง การล้มลง พร้อมกับพระสัญญาเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์และไถ่ให้รอดไว้ด้วยกันสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานของประวัติศาสตร์แห่งความรอดสำหรับมนุษยชาติ
อ่าน ปฐมกาล 1:31; ปฐมกาล 2:15-17 และ ปฐมกาล 3:1-7 มีอะไรเกิดขึ้นกับสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างไว้อย่างสมบูรณ์
พระเจ้าทรงประกาศผลงานการทรงสร้างของพระองค์ว่า “ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก” (ปฐมกาล 1:31) “การทรงสร้างของพระเจ้าได้เสร็จสมบูรณ์...สวนเอเดนเหมือนดอกไม้ตูมบนแผ่นดิน อาดัม และเอวามีอิสระในการเข้าถึงต้นไม้แห่งชีวิต ไม่มีจุดด่างพร้อยของบาปหรือความเสื่อมทรามอยู่ในความงดงามของสิ่งที่ทรงสร้าง” (เอลเลน จี. ไว้ท์, บรรพชนกับผู้เผยพระวจนะ, หน้า 47) พระเจ้าทรงเตือนอาดัมและเอวาว่า หากพวกเขารับประทานผลไม้ต้องห้าม “เจ้าจะตายแน่” (ปฐมกาล 2:15-17) แต่งูได้เริ่มสนทนาด้วยคำถาม และกล่าวถึงสิ่งที่ขัดแย้งกับคำสอนของพระเจ้าว่า: “พวกเจ้าจะไม่ตายแน่” (ปฐมกาล 3:4) ซาตานสัญญากับเอวาว่า เธอจะมีความรู้ที่ยิ่งใหญ่และจะเป็นเหมือนพระเจ้า เห็นได้ชัดเจนว่า นางเชื่อฟังซาตาน
อัครทูตเปาโลกล่าวถึงพระวจนะของพระเจ้าใน ปฐมกาล 2:15-17 อย่างไร อ่าน โรม 5:12 และ โรม 6:23 คำสอนเหล่านี้เชื่อมโยงกับทฤษฎีวิวัฒนาการและการเชื่อว่ามีพระเจ้า อย่างไร
เราเห็นคำยืนยันของผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับพระคัมภีร์ตอนนี้ ในโรม บทที่ 5-8 อัครทูตเปาโลเขียนถึงความบาปและความรอดว่า “เพราะเหตุนี้ บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป” (โรม 5:12) แต่ภาพตามทฤษฎีวิวัฒนาการ จะมีความตายเกิดขึ้นหลายล้านปีก่อนที่จะมีมนุษยชาติ แนวคิดนี้ขัดแย้งกับคำสอนของพระคัมภีร์เรื่องต้นกำเนิดของบาป ที่กล่าวว่าพระคริสต์เสด็จมาสิ้นพระชนม์แทนบาปของเราบนไม้กางเขน ตามแผนการแห่งความรอด ถ้าความตายไม่เกี่ยวข้องกับความบาปแล้ว ค่าจ้างของความบาปก็ไม่ใช่ความตาย (โรม 6:23) ซึ่งไม่มีเหตุผลที่พระคริสต์จะเสด็จมาสิ้นพระชนม์แทนเรา และกันการทรงสร้าง การล้มลง และไม้กางเขนก็แก้ไขความบาปไม่ได้ (1 โครินธ์ 15:45, 47) ความเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ส ดาร์วิน แม้บางตอนจะมีพระเจ้าแทรกเข้ามา ก็ยังทำลายพื้นฐานของศาสนาคริสต์อยู่ดี
_________________________________________________
วันศุกร์
ศึกษาเพิ่มเติม:
อ่านหนังสือของ เอลเลน จี. ไว้ท์, การเนรมิตสร้าง, หน้า 44-51; สัปดาห์ตามตัวอักษร, หน้า 111-116, บรรพชนกับผู้เผยพระวจนะ
“จากหลักฐานที่วางอยู่บนรากฐานของการเปรียบเทียบในด้านภาษา-ศาสตร์ และสิ่งอื่นๆ ที่น่าพิจารณา เมื่อนำมาสรุปรวมกันแล้ว คำว่า “yom” (วัน) ในพระธรรมปฐมกาล บทที่ 1 เป็นวันตามตัวอักษร คือ วันที่มี 24 ชั่วโมงแน่นอน”
“ผู้เผยพระวจนะที่เขียนปฐมกาล บทที่ 1 คงไม่เขียนสิ่งที่ลึกลับจนต้องมีการตีความด้วยวิธีอื่นจึงจะเข้าใจความหมายของคำว่า ‘วัน’ ได้” (Gerhard F. Hasel, “The Days of Creation in Genesis 1: Literal “Days” or Figurative ‘Period /Epochs’ Origins 21/1 (1994) หน้า 30, 31
“ผู้ที่มีปัญญา ถ้าไม่ได้รับการทรงนำโดยพระวิญญาณของพระเจ้า จะรู้สึกงงเมื่อพวกเขาพยายามค้น ความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์ และการเปิดเผยของพระเจ้า พระผู้สร้างและฝีพระหัตถ์ของพระองค์อยู่ไกลเกินความเข้าใจของพวกเขา เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจอธิบายได้โดยกฎธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์ พวกเขาจึงไม่เชื่อ” (เอลเลน จี. ไว้ท์, Testimonies for the Church, เล่ม 8, หน้า 258)
คำถามเพื่อการอภิปราย:
1. จากสิ่งที่ เอลเลน จี. ไว้ท์ เขียนไว้ บ่อยครั้งเพียงใดในปัจจุบันนี้ ที่เราเห็นว่าแม้แต่คนที่บอกว่าตนเป็นคริสเตียนก็ยังเชื่อข้ออ้างที่ ไม่จริงทางวิทยาศาสตร์มากกว่าเชื่อพระคัมภีร์ ท่านมีความเห็น ในเรื่องนี้อย่างไร
2. เพราะเหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเชื่อคำสอนในพระคัมภีร์อย่าง จริงจัง โดยยอมว่าแต่ละวันในการเนรมิตสร้างโลกนั้น เป็นระยะ เวลาที่ยาวนานหลายพันล้านปี จากโรม บทที่ 5 ที่เปาโลกกล่าวถึง การล้มลงสู่ความบาปของอาดัมและการสิ้นพระชนม์ไถ่บาปของ พระคริสต์นั้น ถ้าการสร้างโลกใช้ระยะเวลานานหลายพันล้านปี สองสิ่งนี้จะมีการเชื่อมโยงกันได้อย่างไร
3. ถ้าพระคัมภีร์เป็นการเปิดเผยของพระเจ้า แต่เราเชื่อพระคัมภีร์ บางส่วนและเชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการบางส่วน เราจะเข้าใจเรื่อง พระเจ้าและเชื่อมั่นในพระองค์ได้หรือไม่
4. ถ้าเราเป็นผู้เชื่อที่สัตย์ซื่อต่อพระวจนะของพระเจ้า เราจะตอบ คำถามของคนที่ต้องการแต่งงานกับคนเพศเดียวกันอย่างไร โดย ไม่ให้เราเหมือนคนที่จะเอาก้อนหินขว้างหญิงที่ผิดประเวณีใน สมัยของพระเยซู